โรคพยาธิในเม็ดเลือด ในสุนัข ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม - ไซบีเรียน

โรคพยาธิในเม็ดเลือด ในสุนัข ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

ช่วงฤดูฝน ปัญหาที่เจ้าของน้องหมาหลายคนคงหนีไม่พ้น ก็คือ ปัญหาเรื่องเห็บ แต่ที่เห็นจะร้ายกว่าเห็บก็คือ ภัยเงียบที่มากับเห็บเนี่ยแหละครับนั่นคือเจ้า “โรคพยาธิในเม็ดเลือด” นั่นเอง

เกิดจากการติดเชื้อของสัตว์เซลล์เดียวในเม็ดเลือด ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโปรโตซัวและริคเก็ตเซีย ได้แก่ บาบิเซีย (Babesia sp.) เฮปปาโตซูน (Hepatozoon sp.) เออร์ลิเชีย (Ehrlichia sp.) อะนาพลาสมา (Anaplasma sp) และบาร์โทเนลล่า (Bartonella sp.) แต่ที่พบได้บ่อยในบ้านเราคือ 3 ตัวแรก

เรามาแยกทำความรู้จักกับเชื้อที่ทำให้เกิดเป็นโรคพยาธิในเม็ดเลือดไปทีละตัวกันนะครับ มาดูกันว่าเชื้อแต่ละตัว ก่อให้เกิดอาการกับน้องหมาได้อย่างไรบ้าง

บาบีเซีย Babesiosis (B.canis&B.gibsoni)

เชื้อ Babesia spp. จะอาศัยอยู่ในเม็ดเลือดแดง คล้ายกับเชื้อที่ทำให้เกิดโรคมาเลเรียในคนเมื่อเชื้อเพิ่มจำนวนจะทำให้เม็ด เลือดแดงของสัตว์ถูกทำลาย และมักพบอาการ ดังต่อไปนี้

  • โลหิตจาง (anemia) เยื่อเมือกจะซีด เหงือกซีด
  • ไข้สูง
  • ซึม เบื่ออาหารหรือไม่กินอาหาร
  • ลูกสุนัขอายุน้อยที่ไม่มีภูมิคุ้มกันจะมีอัตราการตายสูงมาก
  • กรณีป่วยเรื้อรัง อาจพบอาการดีซ่าน เนื่องจากสภาพเม็ดเลือดถูกทำลายอย่างมากและตับได้รับความเสียหายจากการที่เลือดไปเลี้ยงตับไม่พอทำให้เซลตับตายจากการขาดเลือด
  • อาจพบภาวะไตวายแทรกซ้อนได้เช่นกัน หากเลือดไปเลี้ยงไปไม่พอ

เฮปปาโตซูน Hepatozoonosis (H.canis)

เชื้อ Hepatozoon spp จะอาศัยอยู่ในเม็ดเลือดขาวชนิด Neutrophils ซึ่งจะมีผลทำให้ภูมิคุ้มกันของสัตว์ลดลงจากปกติ เนื่องจากเม็ดเลือดขาวดังกล่าวจะถูกทำลาย และสูญเสียประสิทธิภาพในการป้องกันตัวเองจากเชื้อภายนอก อาการที่มักพบคือ

  • มีไข้ขึ้นๆลงๆ และไม่ค่อยตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ
  • ผอมแห้ง น้ำหนักลด เบื่ออาหาร
  • โลหิตจาง
  • มีอาการเจ็บตามกล้ามเนื้อที่สัมผัส มักพบอาการเจ็บขาหรือท่าเดินผิดปกติ ระยะยาวอาจพบกล้ามเนื้อฝ่อลีบตามมา
  • มักจะพบการติดเชื้ออื่นๆร่วมด้วย และอาจเป็นสาเหตุเริ่มต้นของโรคอื่นๆที่อาจพบภายหลัง

**โดยมากเชื้อ Hepatozoon canis มักเป็นเชื้อแฝงในร่างกายเมื่อสัตว์อ่อนแอจะทำให้สัตว์แสดงอาการของโรคออกมาได้

เออร์ลิเชีย Ehrlichiosis (Ehrlichia canis,E.chaffeensis และ Anaplasma phagocytophila) เชื้อ Ehrlichia spp.

จะอาศัยอยู่ในเม็ดเลือดขาว ความรุนแรงของโรคจะใกล้เคียงกับโรค babesiosis เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากที่สุดในสุนัข อาการของโรคที่มักพบคือ

  • โลหิตจาง เกล็ดเลือดต่ำ
  • ไข้สูง
  • มีจุดเลือดออกตามเยื่อเมือก และผิวหนังตามส่วนต่างๆของร่างกาย
  • ต่อมน้ำเหลืองบวม
  • ซึม, เบื่ออาหาร น้ำหนักลด และติดเขื้อแทรกซ้อนอื่นๆได้ง่าย
  • มักทำให้มีจุดเลือดออกที่จอประสาทตา
  • โรคจะมีความรุนแรงในสัตว์อายุน้อย โดยทำให้อัตราการตายสูง ถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือวินิจฉัยอย่างทันที

สำหรับการรักษาก็จะแยกไปตามชนิดของเชื้อ

หากน้องหมาป่วยด้วยเชื้อเออร์ลิเชียคุณหมอจะฉีดยาหรือจ่ายยาในกลุ่ม tetracycline ให้ป้อนกินติดต่อกันอย่างน้อย 21-28 วัน ร่วมกับการรักษาตามอาการ เช่น หากมีภาวะโลหิตจางก็ต้องให้ยาบำรุงเลือดหรือถ่ายเลือดให้ เป็นต้น

ส่วนกรณีที่ป่วยด้วยเชื้อบาบิเซียและเฮปปาโตซูน คุณหมอจะรักษาด้วยการฉีดยา เช่น กลุ่ม aromatic diamidine (Imidocarb) จำนวนสองครั้ง โดยฉีดห่างกัน 14 วัน แต่ยานี้เป็นสารเคมีซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้ไอ น้ำลายไหล จึงจำเป็นต้องให้ร่วมกับในกลุ่ม anti-colinergic เพื่อลดผลข้างเคียงดังกล่าว

แต่ไม่ว่าจะติดเชื้อชนิดใดก็ตาม หลังจากการรักษา ก็ควรจะต้องมีการตรวจเลือดซ้ำ เพื่อประเมินสภาพไปเป็นระยะๆ ครับ ซึ่งโรคพยาธิในเม็ดเลือดนี้ บางเชื้อ เช่น เฮปาโตซูนอาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากเชื้อสามารถซ่อนตัวอยู่ในตับ ม้าม และต่อมน้ำเหลืองได้ เมื่อสัตว์ที่เคยเป็นโรคนี้อ่อนแอลง ก็อาจจะกลับมาป่วยได้อีก

และตราบใดที่ยังมีเห็บอยู่ในสภาพแวดล้อม น้องหมาก็พร้อมที่จะกลับติดเชื้อและป่วยได้ใหม่อีกครั้งเช่นกัน ที่สำคัญ คือ ควรต้องป้อนยาให้ครบตามที่คุณหมอจัดให้ เพราะมีเจ้าของบางท่านที่มักจะหยุดป้อนยาเมื่อน้องหมามีอาการดีขี้น ซึ่งทำให้การรักษาไม่ได้ประสิทธิภาพ และโรคอาจพัฒนาเป็นแบบเรื้อรังในที่สุด

Cr. www.dogilike.com , http://www.click2vet.com, http://dogs.lovetoknow.com

บทความแนะนำ

Tags: No tags

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *